และแล้วก็ผ่านนัดแรกของฤดูกาล 2019-2020 ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกในปัจจุบัน มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกนี้ อันดับแรกคือ แกรนท์ แฮนลี่ย์ ปราการหลังนอริช ซิตี้เป็นผู้ประเดิมประตูแรกของฤดูกาลนี้ ซึ่งเกิดจากการยิงประตูตัวเองของ ในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 1-4 อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงคือ ชัยชนะอันท่วมท้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกไปกำชัย 5-0 เหนือ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ถือเป็นชัยชนะมากที่สุดของ แมนฯ ซิตี้ ในการลงเตะเกมเปิดฤดูกาล ยังมีอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิง เชลซี กระจุยด้วยสกอร์ 4-0 มากที่สุดในรอบ 54 ปี โดยมีเจ้าหนู แดเนี่ยล เจมส์ ยิงประตูแรกประเดิมเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และเหตุการณ์เดียวกันนี้ ก็ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ประเดิมเกมแรกด้วยการพ่ายแพ้มากที่สุดในรอบ 41 ปีนับตั้งแต่ แดนนี่ บรานช์ฟลาวเวอร์ คุมทีมนี้ และทำสถิติแพ้เมื่อปี 1978 ด้วย ยังมีการสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำขึ้นมาอีก นั่นก็คือ ทีม เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ชนะในนัดเปิดสนาม 6 ปีติดต่อกัน สถิติเสมอ 4 แพ้ 2 นัด อีกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ได้บันทึกไว้คือ การนำเทคโนโลยี VAR มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบของลีกอังกฤษ ทั้งนี้ เทคโนโลยี VAR หรือวีดีโอช่วยในการตัดสิน เกิดขึ้นครั้งแรกในเกมระหว่าง ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกิดขึ้นในนาทีที่ 53 เป็นจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าถือเป็นการใช้ VAR ช่วยตัดสินเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษนั่นเอง
ไม่ว่าผลการแข่งขันของแต่ล่ะทีมจะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่มันเป็นการเริ่มต้นของกีฬาสมัยใหม่ที่ต้องนำเทคโนโลยีมาใช้งาน เพื่อให้ผลการแข่งขันนั้นเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด เพื่อลดการได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างคู่แข่งนั่นเอง เริ่มจากหลายกีฬาที่มีการตัดสินแพ้ชนะ ให้คะแนน ด้วยสายตา ผมกำลังพูดถึงกีฬา เทควันโด้ นั่นเอง ซึ่งก่อนหน้าที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตัดสิน ด้วยสายตาของกรรมการเท่านั้น ซึ่งหลายครั้ง ที่เกิดปัญหาการประท้วง ของคู่แข่งขันที่ไม่ยอมรับคำตัดสิน แล้วก็ตามมาด้วยกีฬาสากลอย่าง วอลเลย์บอล, เทนนิส ฯลฯ แน่นอนว่าการที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินกีฬานั้น จะทำให้มีการเสียเวลาในการย้อนดูภาพบ้าง, อุปกรณ์ขัดข้องบ้าง แต่สิ่งที่ได้โดยตรงจากการใช้นั่นก็คือ “ความโปร่งใส” ของการได้มาซึ่งชัยชนะนั่นเอง